วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2559

การเเจกเเจงค่าความจริง

 

ประพจน์ที่สมมูลกัน

      ประพจน์สองประพจน์ใด จะสมมูลกันก็ต่อเมื่อประพจน์ทั้งสองมีค่าความจริงเหมือนกันทุกกรณี ใช้สัญลักษณ์ ≡ แทนคำว่า สมมูล ประพจน์ที่สมมูลกันจะสามารถใช้แทนกันได้ เนื่องจากมีค่าความจริงเหมือนกันทุกกรณี
          การตรวจสอบว่าประพจน์สมมูลกันหรือไม่ ทำได้ 2 วิธี ดังนี้
  
 ใช้ตารางแสดงค่าความจริง
  ตัวอย่าง จงตรวจสอบว่าประพจน์ต่อไปนี้สมมูลกันหรือไม่
1. → q กับ  ~∨ q

จะเห็นว่า ค่าความจริงของ → q กับ  ~p v q ตรงกันกรณีต่อกรณี
ดังนั้น → q สมมูลกับ  ~∨ q

2. ~p ^ q กับ → q

จะเห็นว่า ค่าความจริงของ ~p ^ q กับ → q มีบางกรณีต่างกัน
ดังนั้น ~p ^ q ไม่สมมูลกับ → q


สัจนิรันดร์


   ประพจน์ที่เป็นสัจนิรันดร์ คือ รูปแบบของประพจน์ที่มี ค่าความจริงเป็นจริงเสมอ ไม่ว่าประพจน์ย่อยจะมีค่าความจริงเป็น จริง หรือ เท็จ ก็ตาม เช่น p ~p , p p , ~( p ~p ) , p p เป็นต้น
   การตรวจสอบว่าประพจน์ใดเป็นสัจนิรันดร์ ทำได้ดังนี้

 1. ใช้ตารางแสดงค่าความจริง
     ตัวอย่าง จงตรวจสอบว่าประพจน์ต่อไปนี้ เป็นสัจนิรันดร์หรือไม่
1.               [ ( p q ) p ] q
จะเห็นว่ารูปแบบของประพจน์  [ ( p q ) p ] q มีค่าจริงเป็นจริงทุกกรณี
ดังนั้น [ ( p q ) p ] q เป็น สัจนิรันดร์


  2. ใช้วิธีการหาข้อขัดแย้ง
ตัวอย่าง จงตรวจสอบว่าประพจน์ต่อไปนี้ เป็นสัจนิรันดร์หรือไม่
     1. ( p q ) ( q p )
         วิธีทำ สมมุติว่า ( p q ) ( q p ) เป็นเท็จ


 จากแผนภาพ จะเห็นว่า ค่าความจริงของ p และ q เป็นได้ทั้งจริงและเท็จ
แสดงว่าไม่มีกรณีที่ทำให้ ( p q ) ( q p ) เป็นเท็จ
ดังนั้น รูปแบบของประพจน์ ( p q ) ( q p ) เป็นสัจนิรันดร์

การอ้างเหตุผล

     การอ้างเหตุผลจะประกอบด้วยส่วนสำคัญ 2 ส่วนคือ
1. ส่วนที่เป็น เหตุ หรือ สิ่งที่กำหนดให้ ซึ่งได้แก่ P1 , P2 , P3 , … , Pn
2. ส่วนที่เป็น ผล ซึ่งได้แก่ Q
ในการอ้างเหตุผลอาจจะสมเหตุสมผล (valid) หรือไม่สมเหตุสมผล (invalid) ก็ได้ ซึ่งมีวิธีการตรวจสอบ
คือใช้ สัจนิรันดร์ โดยเชื่อมเหตุทุกเหตุด้วยตัวเชื่อม แล้ว นำเหตุกับผลมาเชื่อมด้วยตัวเชื่อม ดังนี้


ถ้า รูปแบบ ( P1 P2 P3 Pn ) Q เป็นสัจนิรันดร์ แสดงว่า การอ้างเหตุผลนี้ สมเหตุสมผล
ถ้า รูปแบบ ( P1 P2 P3 Pn ) Q ไม่เป็นสัจนิรันดร์ แสดงว่า การอ้างเหตุผลนี้ ไม่สมเหตุสมผล
ตัวอย่าง จงตรวจสอบว่าการอ้างเหตุผลต่อไปนี้สมเหตุสมผลหรือไม่
     เหตุ 1. p q
            2.  p
     ผล         q
วิธีทำ           ขั้นที่ 1 ใช้ เชื่อมเหตุเข้าด้วยกัน และใช้ เชื่อมส่วนที่เป็นเหตุกับผล
                                 จะได้รูปแบบของประพจน์คือ [( p q ) p] q
                    ขั้นที่ 2 ตรวจสอบรูปแบบของประพจน์ที่ได้ว่าเป็นสัจนิรันดร์หรือไม่


จากแผนภาพ แสดงว่า รูปแบบของประพจน์ [( p q ) p] q เป็นสัจนิรันดร์
ดังนั้น การอ้างเหตุผลนี้สมเหตุสมผล

ประโยคเปิด



ประโยคเปิด คือ ประโยคบอกเล่าหรือประโยคปฏิเสธที่มีตัวแปรไม่เป็นประพจน์และเมื่อแทนที่ตัวแปร
ด้วยสมาชิกในเอกภพสัมพัทธ์แล้วได้ประพจน์
   บทนิยาม ประโยคเปิดคือ ประโยคบอกเล่า ซึ่งประกอบด้วยตัวแปรหนึ่งตัวหรือมากกว่าโดยไม่เป็นประพจน์ แต่จะเป็นประพจน์ได้ เมื่อแทนตัวแปรด้วยสมาชิกเอกภพสัมพัทธ์ตามที่กำหนดให้
นั่นคือเมื่อแทนตัวแปรแล้วจะสามารถบอกค่าความจริง
ประโยคเปิด เช่น
1. เขาเป็นนักว่ายน้ำทีมชาติไทย
2. x – 6 = 10
3. y < – 6
ประโยคที่ไม่ใช่ประโยคเปิด เช่น
1. 10 เป็นคำตอบของสมการ x – 1 = 7
2. โลกหมุนรอบตัวเอง
3. จงหาค่า x จากสมการ 2x + 1 = 8
4. กรุณานั่งเงียบ ๆ
5. ห้ามสูบบุหรี่
ข้อตกลง
1. นิยมแทนประพจน์ด้วย p,q,r,s,…
2. นิยมแทนประโยคเปิดด้วย P(x) , Q(x) ,… P(x,y) , Q(x, y), … โดย P(x) , Q(x) , … แทน ประโยคเปิดที่มี x เป็นตัวแปร
โดย P(x, y) , Q(x, y) , … แทน ประโยคเปิดที่มี x และ yเป็นตัวแปร
3. ค่าความจริงที่เป็น ” จริง ” จะเขียนแทนด้วย ” T ”
4. ค่าความจริงที่เป็น” เท็จ” จะเขียนแทนด้วย ” F ”
ตัวอย่างเช่น
• เขาเป็นคนดี ⇒ เป็นประโยคเปิดที่ประกอบด้วยตัวแปร “เขา”
• x > 3 ⇒ เป็นประโยคเปิดที่ประกอบด้วยตัวแปร “x”

ตัวบ่งปริมาณ


ตัวบ่งปริมาณ เป็นตัวระบุจำนวนสมาชิกในเอกภพสัมพัทธ์ที่ทำให้ประโยคเปิดกลายเป็นประพจน์
ตัวบ่งปริมาณมี 2 ชนิด คือ
        1. ตัวบ่งปริมาณที่กล่าวถึง “สมาชิกทุกตัวในเอกภพสัมพัทธ์”
ซึ่งเขียนแทนได้ด้วยสัญลักษณ์ “∀” อ่านว่า”สำหรับสมาชิก x ทุกตัว”
2. ตัวบ่งปริมาณที่กล่าวถึง “สมาชิกบางตัวในเอกภพสัมพัทธ์”
ซึ่งเขียนแทนได้ด้วยสัญลักษณ์ “∃” อ่านว่า “สำหรับสมาชิก x บางตัว”
“  สำหรับ x ทุกตัว x2 > 0 “
“  มี  x บางตัว   ชึ่ง  x > 3 “
เราเรียก   “  สำหรับ… ทุกตัว “   และ   “  มี ….บางตัว  “  ว่าเป็นตัวบ่งปริมาณ
ตัวบ่งปริมาณในประโยคดังกล่าวนั้นจะปรากฎในประโยคเปิด  ซึ่งจะจำแนกได้
2 ประเภทคือ
1. ตัวบ่งปริมาณที่หมายถึง  “ ทั้งหมด “ “ ทุก ๆ “ “ แต่ละอัน “ จะเขียนแทนด้วย
สัญลักษณ์   “   ” “  และ
“x  อ่านว่า   สำหรับ x  ทุกตัว
สำหรับ x  แต่ละตัว
สำหรับ x  ใด ๆ


2. ตัวบ่งปริมาณที่หมายถึง  “ บางส่วน “  “ บางอย่าง“ “ บางสิ่ง  “  “ มี “
“ มีอย่างน้อย “   จะเขียนแทนด้วยสัญลักษณ์   “   $ “  และ
$x  อ่านว่า   จะมี  x  บางตัว
สำหรับ x  บางตัว
มี   x  อย่างน้อยหนึ่งตัว
  ตัวอย่าง      การอ่านประโยคเปิดที่มีตัวบ่งปริมาณกำกับ
1. “x [ x + 0 = x ]           อ่านว่า  สำหรับ x ทุกตัว  x + 0 = x
2. “x [ x Î I   ® x Î R ]  อ่านว่า  สำหรับ x ทุกตัว  ถ้า x เป็นจำนวนเต็มแล้ว x  เป็น
เป็นจำนวนจริง
3. $x [ x >  4 ]      อ่านว่า   มี  x บางตัว  ชึ่ง  x > 4
4. $x [x Î I  Ù x2 =  4 ] อ่านว่า   มี  x บางตัว  ชึ่ง  x เป็นจำนวนเต็มแล้ว x2 =  4
5. $x”y [ x + y = 5 ]  อ่านว่า  สำหรับ x ทุกตัว  จะมี yบางตัว  ซึ่ง   x + y = 5
6. “x”y [ x + y > 4 ]  อ่านว่า  สำหรับ x ทุกตัว  สำหรับ y ทุกตัว  ซึ่ง   x + y  > 4
7. $x$y [ x + y < 3 ]  อ่านว่า  มี x และ yบางตัว  ซึ่ง   x + y <  3
  
   ข้อตกลง
1. ถ้าประพจน์นั้นนำหน้าด้วย “” “  แล้ว  ประโยคเปิดด้านในวงเล็บให้เชื่อมด้วย “ ® “
2. ถ้าประพจน์นั้นนำหน้าด้วย “$ “  แล้ว  ประโยคเปิดด้านในวงเล็บให้เชื่อมด้วย “  Ù “

ค่าความจริงของประโยคที่มีตัวบ่งปริมาณตัวเดียว



พิจารณาประโยคเปิด > 0 เมื่อกำหนดตัวบ่งปริมาณและเอกภพสัมพัทธ์ให้แตกต่างกัน ดังนี้
x[ > 0], = {0,1,2,3} หมายถึง สมาชิกทุกตัวใน ยกกำลังสองแล้วมากกว่า 0
x[ > 0], = {0,1,2,3} หมายถึง สมาชิกบางตัวใน ยกกำลังสองแล้วมากกว่า 0
x[ > 0], = {1,2,3} หมายถึง สมาชิกทุกตัวใน ยกกำลังสองแล้วมากกว่า 0
x[ > 0], = {1,2,3} หมายถึง สมาชิกบางตัวใน ยกกำลังสองแล้วมากกว่า 0
x[ < 0], = {1,2,3} หมายถึง สมาชิกบางตัวใน ยกกำลังสองแล้วน้อยกว่า 0
การพิจารณาค่าความจริงของประโยคที่มีตัวบ่งปริมาณนั้น โดยทั่วไปจะพิจารณา
แต่ละส่วนของประโยคที่มีตัวบ่งปริมาณ ดังนี้
ส่วนที่ 1 ตัวบ่งปริมาณ
ส่วนที่ 2 ประโยคเปิด
ส่วนที่ 3 เอกภพสัมพัทธ์
ในที่นี้จะพิจารณาค่าความจริงของประโยคที่มีตัวบ่งปริมาณ ซึ่งเป็นประโยคที่มีตัวแปร
เพียงตัวเดียว และเพื่อความสะดวกในการกล่าวถึงประโยค จะแทนประโยคที่มีตัวแปร x ด้วย P(x)
ดังนั้น ประโยคที่มีตัวบ่งปริมาณที่จะพิจารณาค่าความจริง จะเขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ ดังนี้
[P(x)] เมื่อเอกภพสัมพัทธ์ คือ u
[P(x)] เมื่อเอกภพสัมพัทธ์ คือ u


สมมูลและนิเสธของประโยคที่มีตัวบ่งปริมาณ


 
จากสมมูลของประโยคเปิดดังกล่าว  ถ้าเติมตัวบ่งปริมาณชนิดเดียวกันไว้ข้างหน้าจะได้ประพจน์ที่สมมูลกันด้วยเช่น
เนื่องจากประโยคที่มีตัวบ่งปริมาณเป็นประพจน์  ดังนั้น  สามารถเทียบรูปแบบที่สมมูลกับรูปแบบประพจน์ที่สมมูลกันได้  เช่น  

ตัวอย่างที่1 ประโยคในข้อใดต่อไปนี้สมมูลกัน                                        
วิธีทำ 
   ประโยคที่สมมูลกันสามารถใช้แทนกันได้  ซึ่งการพิสูจน์ในวิชาคณิตศาสตร์จะนำสมบัติดังกล่าวนี้ไปใช้  ตัวอย่างเช่น
               ที่กล่าวมาแล้วข้างต้นเป็นการพิจารณาสมมูลของประโยคเปิดหรือประโยคที่มีตัวบ่งปริมาณโดยวิธีเทียบกับสมมูลของประพจน์  ต่อไปนี้จะพิจารณาถึงนิเสธของประโยคเปิดหรือประโยคที่มีตัวบ่งปริมาณโดยวิธีเทียบกับนิเสธของประพจน์เช่นเดียวกัน  ดังนี้                                                                            นิเสธของ  p  คือ  ~p จากรูปแบบของนิเสธนี้จะตกลงให้นิเสธของประโยคเปิดหรือประโยคที่มีตัวบ่งปริมาณโดยวิธีเติมตัวเชื่อม  “~”   ข้างหน้าประโยค  เช่น

สำหรับนิเสธของประโยคเปิดในรูปแบบอื่นจะเปรียบเทียบกับนิเสธของประพจน์ได้ดังต่อไปนี้

ข้อสังเกต ประโยคเปิดที่เป็นนิเสธกัน  ถ้าเติมตัวบ่งปริมาณชนิดเดียวกันไปข้างหน้า   ผลจะไม่ได้ประพจน์ที่เป็นนิเสธกัน  เช่น
นอกจากการพิจารณาสมมูลและนิเสธของประโยคที่มีตัวบ่งปริมาณโดยวิธีเทียบกับประพจน์ที่สมมูลกันหรือนิเสธของประพจน์แล้ว  ประโยคบางรูปแบบอาจจะต้องใช้พิจารณาจากบทนิยามของสมมูลหรือนิเสธดังนี้
           ประพจน์สองประพจน์จะสมมูลกันก็ต่อเมื่อมีค่าความจริงเหมือนกันทุกกรณี”                                                                                                                         ประพจน์สองประพจน์จะเป็นนิเสธกันก็ต่อเมื่อมีค่าความจริงตรงกันข้ามกรณีต่อกรณี"                                                                                                           ต่อไปนี้เป็นรูปแบบประพจน์ที่สมมูลกัน  และเป็นนิเสธกันที่ใช้วิธีพิจารณาดังกล่าว